หูฟังมอนิเตอร์ที่นิยมใช้ทั่วไปจะมีอยู่ 4 แบบ
-
In-ear monitor
คือหูฟังมอนิเตอร์ที่มีรูปแบบจุกยางสวมใส่เข้ากับหู สามารถตัดเสียงรบกวนข้างนอกได้เป็นอย่างดี หูฟัง in-ear monitor จะนิยมในงาน liveจะช่วยเราได้ยินเสียงเครื่องดนตรีของตัวเองได้ชัดเจนและจะช่วยให้หูของเราไม่ทำงานหนักจนเกินไปในการแสดงสดในทุกๆครั้ง
-
Closed-Back Headphones
คือหูฟังมอนิเตอร์ที่มีรูปแบบครอบทั้งใบหู สวมใส่ง่าย สามารถตัดเสียงรบกวนข้างนอกและเสียงรั่วออกจากหูฟังได้เป็นอย่างดี หูฟังมอนิเตอร์รูปแบบ Closed Back Headphones จะนิยมทั้งในงาน studio และงาน live ทั้งมิกซ์เสียงและยังใช้เป็นมอนิเตอร์สำหรับนักดนตรีในการอัดเสียง เช่น อัดร้อง อัดอคูสติกกีต้าร์ เป็นต้น
-
Open-Back Headphones
คือหูฟังมอนิเตอร์ที่มีรูปแบบเปิดหู ลักษณะหูฟังจะเป็นตะแกร่งโล่ง จุดเด่นของหูฟังชนิดนี้คือเราจะสามารถได้ยินเสียงบรรยากาศข้างนอก ทำให้เวลาฟังเพลงหรือมิกซ์เสียงนานๆแล้วจะไม่เมื่อยหู ข้อด้อยของหูฟังชนิดนี้คือเบสที่อาจจะไม่หนักเท่าหูฟังแบบปิด และด้วยที่เป็นหูฟังแบบเปิดอาจจะไม่เหมาะกับการใช้เป็นมอนิเตอร์ในการอัดเสียง เพราะจะทำให้เสียงจากหูฟังเข้าไมค์ได้
-
Semi-Open Back Headphones
คือหูฟังมอนิเตอร์ที่มีรูปแบบคล้ายกับที่ถูกออกแบบมาคล้ายคลึงกับหูฟังแบบ open-back เหมาะสำหรับคนที่อยากได้หูฟังที่อยู่ตรงกลางระหว่าง close-back กับ open-back ฟังแล้วไม่ล้าและยังได้ยินเสียงบรรยากาศข้างนอก แต่เสียงจะไม่รั่วเท่าหูฟังแบบ open-back
แนะนำหูฟังจาก ctmusic
หูฟังรุ่นเริ่มต้นที่แนะนำ
- Franken MHP-02 รุ่นยอดฮิตสำหรับคนที่มีงบประมาณที่จำกัด ราคา 1350 บาท
- AKG K52 รุ่นเริ่มต้นจากค่าย AKG ให้โทนเสียงที่ดี ราคา 1,590 บาท
- Audio Technica ATH-M20X เสียงดี ให้ย่านเบสที่ดี คุ้มค่าในราคา 2190 บาท
- CCA มีหลากหลายรุ่นให้เลือกมีราคาเริ่มต้นที่ 690 จนถึง 3450 บาท
- Shure รุ่น se215 เป็นตัวเริ่มต้นจากแบรนด์ดังอย่าง shure ราคา 3990 บาท
หูฟังรุ่น studio (ที่นิยมใช้ใน studio)
- Beyerdynamic DT770 Pro สุดยอดหูฟังมอนิเตอร์ไม่ว่า Studio ที่ไหนก็ต้องมี ราคา 7490 บาท
- Audio Technica ATH-M50X อีกนึงรุ่นที่คุณภาพไม่แพ้กันเลย ราคา 5990 บาท
- AKG K240 MKII เป็นหูฟัง semi-open เสียงดี ฟังนานไม่เมื่อยหู ราคา 5500 บาท